คุณสมบัติและความได้เปรียบของเหล็ก H คืออะไร?

H-Beam ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในโครงสร้างเหล็กในปัจจุบัน พื้นผิวของเหล็ก H มีลักษณะไม่มีการเอียง และพื้นผิวด้านบนและล่างมีลักษณะขนานกัน คุณสมบัติของหน้าตัด H-Beam ดีกว่าเหล็ก I-Beam แบบดั้งเดิม หรือเหล็กตัวซี และเหล็กฉาก ดังนั้น H-Beam มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง

1. ความแข็งแรงของโครงสร้างสูง

เมื่อเทียบกับเหล็ก I-Beam จะมีค่า section modulus มากกว่า ในกรณีที่มีเงื่อนไขการรับน้ำหนักเท่ากัน สามารถประหยัดโลหะได้ 10-15%

2. รูปแบบการออกแบบมีความหลากหลายและยืดหยุ่น

ในกรณีที่ความสูงของคานเท่ากัน โครงสร้างเหล็กจะมีพื้นที่มากกว่าโครงสร้างคอนกรีตถึง 50% ทำให้การจัดวางมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น

3. น้ำหนักของโครงสร้างเบา

เมื่อเทียบกับโครงสร้างคอนกรีต น้ำหนักของโครงสร้างเบากว่า ช่วยลดน้ำหนักของโครงสร้าง ลดแรงภายในที่ออกแบบไว้ ทำให้ความต้องการในการประมวลผลฐานรากของโครงสร้างต่ำลง การก่อสร้างง่ายขึ้น และลดต้นทุน

4. ความเสถียรของโครงสร้างสูง

H-beam ที่ผ่านการรีดแบบร้อนเป็นโครงสร้างเหล็กหลัก โครงสร้างมีความเป็นวิทยาศาสตร์และเหมาะสม สามารถปรับรูปทรงได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง ความเสถียรของโครงสร้างสูง เหมาะสำหรับการรับน้ำหนักสะเทือนและแรงกระแทกของโครงสร้างอาคารขนาดใหญ่ มีความสามารถในการต้านทานภัยธรรมชาติได้ดี โดยเฉพาะเหมาะกับโครงสร้างบางอย่างในเขตที่มีแผ่นดินไหว ตามสถิติ ในภัยพิบัติแผ่นดินไหวที่มีขนาด 7 หรือมากกว่าในระดับโลก อาคารโครงสร้างเหล็กที่ใช้เหล็กตัวเอชเป็นหลักได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย

5. เพิ่มพื้นที่ใช้สอยที่มีประสิทธิภาพของโครงสร้าง

เมื่อเทียบกับโครงสร้างคอนกรีต โครงสร้างเสาเหล็กมีพื้นที่หน้าตัดเล็กกว่า ซึ่งสามารถเพิ่มพื้นที่ใช้สอยที่มีประสิทธิภาพของอาคารได้ ขึ้นอยู่กับรูปแบบของอาคารที่แตกต่างกัน สามารถเพิ่มพื้นที่ใช้สอยที่มีประสิทธิภาพได้ 4-6%

6. ประหยัดแรงงานและวัสดุ

เมื่อเทียบกับเหล็ก H-beam แบบเชื่อม จะสามารถประหยัดแรงงานและวัสดุได้อย่างมาก ลดการใช้ทรัพยากรวัตถุดิบ พลังงานและแรงงาน ความเครียดคงเหลือต่ำ มีลักษณะรูปลักษณ์และคุณภาพพื้นผิวดี

7. ง่ายต่อการแปรรูปทางเครื่องจักร

ติดตั้งและประกอบโครงสร้างได้ง่าย รวมทั้งถอดออกและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ง่ายเช่นกัน

8. การป้องกันสิ่งแวดล้อม

การใช้เหล็กโครงสร้างรูปตัวเอช (H-section steel) สามารถปกป้องสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปรากฏอยู่ในสามด้าน ดังนี้: ประการแรก เมื่อเทียบกับคอนกรีต สามารถใช้การก่อสร้างแบบแห้ง ทำให้เกิดเสียงรบกวนและฝุ่นละอองน้อยกว่า; ประการที่สอง เนื่องจากน้ำหนักเบาลง จึงขุดดินสำหรับงานก่อสร้างฐานรากน้อยลง ทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรดินน้อยลง และยังช่วยลดปริมาณคอนกรีตที่ใช้ รวมถึงลดการขุดเจาะหิน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม; ประการที่สาม เมื่ออายุการใช้งานของโครงสร้างอาคารหมดลง ปริมาณขยะแข็งที่เกิดขึ้นหลังจากถอดโครงสร้างออกมามีจำนวนน้อย และมีมูลค่าในการรีไซเคิลเหล็กเก่าสูง

9. ระดับการผลิตในอุตสาหกรรมสูง

โครงสร้างเหล็กที่ใช้คานเอชแบบรีดร้อนเป็นฐานมีระดับการผลิตในอุตสาหกรรมสูง ซึ่งสะดวกสำหรับการผลิตเครื่องจักร การผลิตอย่างเข้มข้น ความแม่นยำสูง การติดตั้งง่าย การควบคุมคุณภาพได้ง่าย และสามารถสร้างโรงงานผลิตบ้านจริง โรงงานผลิตสะพาน โรงงานผลิตอาคารอุตสาหกรรม เป็นต้น การพัฒนาโครงสร้างเหล็กได้สร้างสรรค์และส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ๆ นับร้อยอุตสาหกรรม

10. ความเร็วในการก่อสร้างสูง

มีพื้นที่ขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการก่อสร้างทุกฤดู และได้รับอิทธิพลน้อยจากสภาพอากาศ สปีดการก่อสร้างของโครงสร้างเหล็กที่ทำจากคานเอชแบบรีดร้อนนั้นเร็วกว่าโครงสร้างคอนกรีตประมาณ 2-3 เท่า อัตราการหมุนเวียนของทุนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ลดต้นทุนทางการเงิน จึงช่วยประหยัดการลงทุน ยกตัวอย่างเช่น "ตึกจิ๋นเหมา" ในผู่ตง เซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นอาคารที่สูงที่สุดในจีน ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าโครงสร้างหลักที่มีความสูงเกือบ 400 เมตร สามารถก่อสร้างเสร็จภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปี ในขณะที่โครงสร้างแบบคอนกรีตเหล็กผสมต้องใช้เวลาในการก่อสร้างถึงสองปี